"ไม่ต้องใส่! เย็ดสดเลย...ถึงเวลาชักออกมาข้างนอกก็พอ เดี๋ยวน้าจัดการเอง"
ผมชื่ออาทิตย์ เป็นคนเหนือที่หอบเสื่อผืนหมอนใบพามินตราเมียรักมาสู้ชีวิตในเมืองหลวง เรามาเช่าบ้านหลังเล็กๆ ติดกับบ้านของคุณปราง เศรษฐินีม่ายวัยกลางคนที่ใครๆ ก็บอกว่าสวยไม่สร่าง ชีวิตคนโรงงานอย่างผมหาเช้ากินค่ำ เดือนไหนลูกที่บ้านนอกไม่สบายที เงินก็แทบจะขาดมือเป็นริ้วๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
ผมยังจำวันที่เดินหน้าเจื่อนๆ ไปเคาะประตูบ้านหลังใหญ่ของคุณปรางเพื่อขอยืมเงินได้ดี สายตาที่คุณปรางมองผมวันนั้นมันแปลกๆ มันไม่ใช่สายตาของเจ้าหนี้ที่มองลูกหนี้ แต่มันมีความร้อนแรงบางอย่างฉาบอยู่ แววตาคมกริบของเธอกวาดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกำลังประเมินราคาสินค้ามากกว่าจะให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่ในตอนนั้นผมไม่มีทางเลือกจริงๆ นอกจากรับเงินและคำขอบคุณอย่างนอบน้อม
เสียงนาฬิกาปลุกดังตอนตีห้าคือเสียงสวรรค์และเสียงนรกในเวลาเดียวกัน มันคือสัญญาณเริ่มต้นวันทำงานที่หนักหน่วง แต่ก็เป็นสัญญาณว่าผมยังมีงานทำเพื่อส่งเงินไปให้ลูกและเมีย ผมลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเงียบเชียบ มินตราขยับตัวเล็กน้อย ผมก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเข้ากะเช้าที่โรงงาน
ผมทำงานเหมือนเครื่องจักรมาตลอดแปดชั่วโมงเต็ม ความเหนื่อยล้ากัดกินร่างกายจนแทบอยากจะหลับคาเครื่องจักร แต่ภาพของมินตรากับลูกคือยากระตุ้นชั้นดี พอเสียงออดเลิกงานดังขึ้น ผมก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับบ้านเช่าทันที แดดยามบ่ายของวันเสาร์มันร้อนระอุเหมือนจะแผดเผาให้ทุกอย่างมอดไหม้ ผมจอดรถหน้าบ้าน เหงื่อไหลไคลย้อยเต็มแผ่นหลัง ภาพแรกที่เห็นคือมินตราในชุดพนักงานโรงงานกำลังจะออกจากบ้านไปเข้ากะบ่ายต่อจากผมพอดี
“พี่อาทิตย์ กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” เธอยิ้มหวานให้ผม รอยยิ้มที่ทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“จ้ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย” ผมตอบพลางหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่ราวตากผ้ามาซับเหงื่อ
“วันนี้มีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นนะพี่ กินข้าวแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ” เธอพูดพร้อมกับจัดปกเสื้อให้ผม
“ขอบใจจ้ะ”
เรายืนคุยกันอีกสองสามคำ ก่อนที่เธอจะเดินไปขึ้นรถรับส่งของโรงงานที่จอดรออยู่ปากซอย ผมมองตามจนรถลับสายตาไป แล้วหันหลังกลับมากำลังจะเข้าบ้าน แต่แล้วหางตาผมก็เหลือบไปเห็นเงาคนไหวๆ อยู่ที่หน้าต่างชั้นสองของบ้านคุณปราง ผมเพ่งมอง...ใช่จริงๆ ด้วย คุณปรางยืนมองผมอยู่จากหลังม่านโปร่งแสง พอเธอเห็นผมมองกลับ เธอก็ไม่ได้หลบหน้า ตรงกันข้าม เธอกลับส่งยิ้มมุมปากมาให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก ขนอ่อนทั่วกายลุกชัน ผมรีบก้มหน้าแล้วเดินเข้าบ้านทันที ปิดประตูดังปัง! หัวใจผมเต้นระรัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเธอกำลังจับจ้องผมอยู่ทุกฝีก้าว
ผมถอดเสื้อทำงานที่ชุ่มเหงื่อออกพาดไว้ เผยให้เห็นแผงอกและกล้ามท้องที่ได้มาจากการทำงานหนัก ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน แต่ในหัวกลับว่างเปล่า ภาพรอยยิ้มของคุณปรางยังติดตา มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนงูสาวกำลังจ้องมองกบที่อยู่ในกำมือ ผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป ‘กูคิดมากไปเองน่า’ ผมพึมพำกับตัวเอง
ผมกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย ความเหนื่อยล้าทำให้ตาของผมเริ่มปรือ แต่ยังไม่ทันจะได้เคลิ้มหลับ เสียงเรียกชื่อของผมก็ดังมาจากหลังบ้าน
“อาทิตย์...อาทิตย์ อยู่รึเปล่าจ๊ะ?”
เสียงนี้ผมจำได้แม่น...เสียงของคุณปราง ผมสะดุ้งสุดตัว รีบลุกขึ้นยืน หัวใจเต้นโครมคราม ‘มาทำไมวะ?’ ผมคิดในใจ แต่ขาก็เดินไปที่ประตูหลังบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมแง้มประตูออกเล็กน้อย เห็นคุณปรางยืนอยู่ตรงนั้นในชุดอยู่บ้านสบายๆ แต่เป็นชุดผ้าลื่นสีแดงเลือดนกที่ขับผิวขาวผ่องของเธอให้โดดเด่นจนน่าใจหาย
“คุณปราง มีอะไรหรือครับ?” ผมถามเสียงสั่นเล็กน้อย
“น้ามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยจ้ะ ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม ข้างนอกมันร้อน” เธอพูดพลางใช้พัดในมือพัดเบาๆ
ผมลังเล...สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่ามันไม่ปลอดภัย แต่การจะปฏิเสธผู้มีพระคุณอย่างเธอซึ่งๆ หน้าก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สุดท้ายผมจึงต้องจำใจเปิดประตูให้เธอก้าวเข้ามาในบ้านของผม
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ แต่ยั่วยวนของเธอลอยฟุ้งไปทั่วห้องเช่าแคบๆ ของผมทันทีที่เธอเข้ามา เธอไม่ได้นั่งลงที่เก้าอี้ที่ผมผายมือเชิญ แต่กลับเดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน สายตาของเธอกวาดมองข้าวของเครื่องใช้ที่เก่าซอมซ่อของผม ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของผมอีกครั้ง
“ทำงานหนักสินะ กล้ามเนื้อแข็งแรงดีจัง” เธอพูดขึ้นลอยๆ แต่สายตาที่มองมาราวกับจะเปลื้องผ้าผมออกทีละชิ้น
“เอ่อ...ครับ งานโรงงานก็แบบนี้แหละครับ” ผมตอบอย่างประหม่า รีบคว้าเสื้อยืดที่พาดอยู่มาสวม “ว่าแต่คุณปรางมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ เรื่องเงินใช่ไหมครับ?”
ผมตัดสินใจเข้าเรื่องทันที เพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พอผมพูดถึงเรื่องเงิน ใบหน้าของผมก็หมองลงโดยอัตโนมัติ “คือ...ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เดือนนี้ผมคงต้องขอผัดไปก่อน พอดีลูกชายไม่สบาย ต้องใช้เงินค่ารักษาพยาบาลด่วน ผมเพิ่งส่งเงินกลับบ้านไปเมื่อเช้านี้เอง”
ผมเตรียมใจรอรับฟังคำต่อว่าหรือทวงถามอย่างน้อยใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้ม...รอยยิ้มแบบเดียวกับที่ผมเห็นจากหน้าต่างเมื่อครู่นี้
“เรื่องนั้นน้ารู้แล้วจ้ะ” เธอพูดเสียงหวาน “ที่น้ามาวันนี้ ก็จะมาบอกว่า...น้าจะลดดอกเบี้ยให้”
“จริงเหรอครับ!” ผมเผลออุทานออกมาด้วยความดีใจจนลืมตัว “ขอบคุณมากนะครับคุณปราง ขอบคุณจริงๆ”
“แต่...” คำพูดของเธอทำให้รอยยิ้มของผมหุบลงฉับพลัน “มันมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยน่ะจ้ะ”
เธอก้าวเข้ามาใกล้ผมอีกหนึ่งก้าว ระยะห่างของเราตอนนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว ผมได้กลิ่นกายของเธอชัดเจนขึ้น มันเป็นกลิ่นที่ปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบของผู้ชายได้อย่างน่าประหลาด
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอครับ? ให้ผมช่วยทำอะไรบอกได้เลยครับ งานสวน งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ผมทำได้หมด” ผมรีบเสนอตัว
เธอยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบไล้ที่แผงอกของผมอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วเย็นเฉียบของเธอทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
“น้าไม่ได้อยากให้ช่วยงานพวกนั้นหรอกจ้ะ” เธอกระซิบเสียงพร่า “อาทิตย์ก็รู้...ว่าน้าเป็นม่ายมานานแค่ไหน...ร่างกายของน้ามันก็มีความต้องการเหมือนกันนะ”
คำพูดของเธอเหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงกลางศีรษะ ผมยืนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก สมองของผมตื้อไปหมด
“น้าอยากให้อาทิตย์ช่วยน้า...เรื่องบนเตียง”
เธอมองลึกเข้ามาในตาผม เหมือนจะสะกดให้ผมจมดิ่งลงไปในความต้องการของเธอ มือของเธอเริ่มลูบไล้ต่ำลง...ต่ำลง...จนมาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงของผม เธอใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงเบาๆ ผ่านเนื้อผ้า
“แข็งแรงดีจริงๆ” เธอกระซิบชิดใบหู ลมหายใจร้อนๆ ของเธอเป่ารดต้นคอผมจนขนลุกซู่
“คุณปราง! อย่าทำแบบนี้ครับ!” ผมรวบรวมสติทั้งหมดที่มีผลักเธอออกเบาๆ แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ผมมีเมียแล้วนะครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้”
“แล้วใครจะรู้ล่ะจ๊ะ?” เธอย้อนถามด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน “มินตราเมียเธอก็ไปทำงาน กว่าจะกลับก็ดึกดื่นค่อนคืน เราทำกันเงียบๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ แถมเธอก็ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ อีกต่อไป มีแต่ได้กับได้ไม่ใช่เหรอ?”
เธอก้าวเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้ง คราวนี้เธอใช้สองมือโอบรอบคอผมไว้ แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อประกบริมฝีปากของเธอกับของผมอย่างจาบจ้วง ลิ้นร้อนๆ ของเธอพยายามจะสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของผม ตอนแรกผมพยายามเบือนหน้าหนี แต่รสจูบที่ร้อนแรงและห่างหายไปนานจากชีวิตคู่ที่แสนเหนื่อยล้าของผม มันค่อยๆ ทำลายกำแพงแห่งศีลธรรมลงทีละน้อย ผมไม่ได้ใกล้ชิดกับมินตราแบบลึกซึ้งมาหลายสัปดาห์แล้ว เพราะเราต่างก็เหนื่อยจากงานจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น สุดท้าย...ผมก็เผลอตอบสนองจูบของเธออย่างลืมตัว
เมื่อคุณปรางรู้ว่าปลาติดเบ็ดแล้ว เธอก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ทิ้งให้ผมยืนหอบหายใจอย่างสับสน
“ผม...ผมเพิ่งเลิกงาน ตัวเหม็นเหงื่อ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ผมพยายามหาข้ออ้างสุดท้ายที่ฟังดูสิ้นหวังที่สุด
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เธอยิ้มอย่างผู้ชนะ “แบบนี้แหละดี...น้าชอบกลิ่นผู้ชายแบบนี้...ไม่ได้กลิ่นแบบนี้มานานแล้ว...ขอน้าดูของดีของเธอหน่อยสิ”
คำพูดของเธอปลุกไฟในตัวผมให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง อาจจะเป็นเพราะความต้องการที่ถูกเก็บกดมานาน หรืออาจจะเป็นเพราะข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน ผมมองหน้าเธอ พยักหน้าช้าๆ เหมือนคนโดนสะกดจิต แล้วค่อยๆ ปลดเข็มขัดกางเกงทำงานของผมออก
ภาพที่ผมเห็นต่อมาคือเศรษฐินีม่ายที่ทุกคนในซอยนับหน้าถือตา ค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้าผมอย่างไม่รังเกียจพื้นปูนเย็นๆ ในบ้านเช่าของผมเลยแม้แต่น้อย เธอก้มหน้าลง สูดดมกลิ่นจากเป้ากางเกงในของผมอย่างเปิดเผย
“หอมจริงๆ...กลิ่นหนุ่มๆ มันดีแบบนี้นี่เอง” เธอพึมพำ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ ดึงขอบกางเกงในของผมลงช้าๆ เผยให้เห็นความเป็นชายที่ตื่นตัวเต็มที่เพราะแรงกระตุ้นเมื่อครู่
คุณปรางมองมันด้วยสายตาที่ชื่นชมเหมือนกำลังมองงานศิลปะชิ้นเอก เธอใช้มือสัมผัสอย่างนุ่มนวลและรู้วิธี ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียที่ส่วนปลายเบาๆ ผมสะดุ้งสุดตัว ครางออกมาในลำคออย่างไม่อาจห้ามได้ ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“อ่า...คุณปราง...เก่ง...เก่งจริงๆ” ผมหลุดปากชมออกมา “มินตรา...เมียผมยังทำไม่ถึงครึ่งของคุณเลย”
เธอยิ้มรับคำชมนั้น แต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา เธอเพียงแค่เร่งจังหวะการใช้ลิ้นและริมฝีปากของเธอให้เร็วและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกเหมือนกำลังจะลอยขึ้นไปบนสวรรค์ ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องใช้มือขยุ้มกลุ่มผมของเธอไว้แน่นเพื่อเป็นที่ระบาย
“คุณปราง...พอ...พอก่อนครับ” ผมพูดเสียงกระเส่า “ผมจะไม่ไหวแล้ว...ขอผม...ขอผมทำให้คุณบ้างได้ไหม? ผมก็ถนัดนะเรื่องแบบนี้...คุณอยากลองฝีมือผมไหม?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาของเธอฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์ “ไม่ต้องพูดมาก...ทำเลยสิ”
สิ้นคำอนุญาตของคุณปราง ผมก็ไม่รอช้าอีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็วจนหมดสิ้น เหลือเพียงเรือนร่างขาวผ่องที่สมส่วนเกินวัย ผมมองภาพนั้นตาไม่กะพริบ เธอเดินไปนอนลงบนเสื่อน้ำมันเก่าๆ ที่ปูอยู่หลังบ้านอย่างไม่ถือตัว แล้วแยกขาออกกว้าง เชื้อเชิญให้ผมเข้าไปหา
ผมรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้างจนเหลือเพียงถุงเท้าคู่เก่าๆ แล้วคุกเข่าลงตรงหว่างขาของเธอ กลิ่นกายของเธอตรงนั้นมันช่างหอมยั่วยวนจนผมแทบคลั่ง ผมใช้มือสัมผัสเธออย่างแผ่วเบาเพื่อสำรวจในสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คุณปรางครางออกมาด้วยความพอใจ สะโพกของเธอขยับรับสัมผัสจากผมอย่างเป็นจังหวะ
ผมตัดสินใจก้มลงไปใช้ปากและลิ้นปรนเปรอเธอบ้าง เหมือนที่เธอทำให้ผมเมื่อครู่ ผมเลียนแบบลีลาที่เธอเคยทำกับผม และเพิ่มเติมเทคนิคที่เคยได้ยินเพื่อนๆ ที่โรงงานคุยโวกันมาบ้าง ผลลัพธ์ที่ได้มันเกินคาด คุณปรางบิดตัวเร่าๆ ครางเสียงดังไม่ขาดปาก
“อ๊า...อาทิตย์...ดี...ดีจริงๆ...เลียเก่งสมคำคุยจริงๆ...ตรงนั้น...ใช่...เลียตรงนั้นแรงๆ สิ...โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว...เย็ดนวลเลย! เอาของเธอเข้ามาเดี๋ยวนี้!”
เสียงสั่งการของเธอปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวผมให้พลุ่งพล่าน ผมลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินไปที่กองเสื้อผ้าเพื่อหยิบถุงยางอนามัยที่พกติดกระเป๋าสตางค์ไว้เสมอ แต่คุณปรางร้องทักขึ้นมาก่อน
“จะไปไหน?”
“ไปหยิบถุงยางครับ” ผมตอบ
“ไม่ต้อง!” เธอพูดเสียงดังฟังชัด “เย็ดสดเลย ไม่ต้องใส่! ถึงเวลาชักออกมาข้างนอกก็พอ เดี๋ยวที่เหลือน้าจัดการเอง น้ากินยาคุมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
คำพูดของเธอเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ ผมพยักหน้ารับ เดินกลับมานั่งคุกเข่าตรงหว่างขาเธออีกครั้ง ผมใช้มือจับแก่นกายของตัวเองที่แข็งตัวเต็มที่จ่อไปที่ปากทางสวรรค์ของเธอ แล้วค่อยๆ สอดใส่มันเข้าไปช้าๆ
ความรู้สึกแรกคือความอุ่นและคับแน่นอย่างเหลือเชื่อ มันบีบรัดผมจนแทบจะแตะขอบสวรรค์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มขยับด้วยซ้ำ คุณปรางมองหน้าผมด้วยแววตาตื่นเต้น
“ใหญ่...ใหญ่แล้วก็ร้อนดีจริงๆ...เป็นยังไงบ้างล่ะ?” เธอถามเสียงสั่น
“ดีมากครับคุณปราง...ข้างในของคุณ...อุ่นสุดๆ ไปเลย”
ผมเริ่มขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ เนิบนาบ ให้เราทั้งสองคนได้ซึมซับความสุขนี้อย่างเต็มที่ เราโอบกอดกันแน่น ริมฝีปากบดเบียดกันอย่างดูดดื่ม ลิ้นพันกันนัวเนีย เสียงเนื้อกระทบกันเริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ
และแล้ว...ในจังหวะที่อารมณ์ของเรากำลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกก็ดังขึ้น
ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์มือถือของผมสั่นอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ผมชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พยายามจะไม่สนใจมัน แต่เสียงเรียกเข้าก็ยังดังต่อเนื่องไม่หยุด ผมเหลือบไปมองหน้าจอ...หัวใจผมแทบหยุดเต้น ชื่อที่ปรากฏอยู่บนนั้นคือ ‘มินตรา ที่รัก’
“รับสิ” คุณปรางกระซิบข้างหูผม
“แต่ว่า...”
“รับสิ...มันจะตื่นเต้นกว่าเดิมอีกนะ” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์
ผมไม่มีทางเลือก จึงต้องเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่กองอยู่กับเสื้อผ้ามากดรับสาย โดยที่ร่างกายท่อนล่างของเรายังเชื่อมต่อกันสนิท คุณปรางนิ่งฟังอย่างใจเย็น
“ฮัลโหลจ้ะมินตรา” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“พี่อาทิตย์ กินข้าวยังจ๊ะ?” เสียงใสๆ ของเมียผมดังมาจากปลายสาย
“กิน...กินแล้วจ้ะ กำลังจะนอนพักพอดี” ผมโกหกหน้าตาย
“อ๋อจ้ะ...เอ้อ พี่...วันนี้อย่าลืมซักผ้านะ ผ้าเต็มตะกร้าแล้ว”
ในจังหวะที่มินตรากำลังสั่งงานผมนี่เอง คุณปรางก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง เธอยิ้มอย่างสนุกสนาน แล้วค่อยๆ พลิกตัวดันผมให้นอนหงลงกับพื้น แล้วขึ้นคร่อมผมในท่าที่เธอเป็นฝ่ายคุมเกม จากนั้นเธอก็เริ่มขย่มตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง
“โอ้ว...” ผมเผลอครางออกมาเบาๆ
“พี่เป็นอะไรน่ะ? เสียงเหมือนคนเจ็บคอ” มินตราถามอย่างสงสัย
“เปล่าๆ...แค่...แค่สำลักน้ำน่ะ” ผมรีบแก้ตัว “ได้ๆ เดี๋ยวซักผ้าให้ ไม่ต้องห่วงนะ”
คุณปรางเห็นผมตกที่นั่งลำบากก็ยิ่งได้ใจ เธอเร่งจังหวะสะโพกให้เร็วขึ้น ผมต้องกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางแห่งความสุขเอาไว้ แต่เสียงร่างกายของเราที่กระทบกันมันดัง ‘แจะ...แจะ...แจะ’ ออกมาอย่างน่าหวาดเสียว
“เสียงอะไรน่ะพี่ เหมือนคนตบยุงเลย”
“ยุง...ใช่! ยุงมันเยอะน่ะ กำลังตบยุงอยู่” ผมโกหกคำโต “แค่นี้ก่อนนะมินตรา พี่ง่วงแล้ว”
ผมรีบกดวางสายโดยไม่รอให้เธอได้พูดอะไรต่อ แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกลๆ
“ตื่นเต้นไหมล่ะ...อาทิตย์?” คุณปรางถามพลางหัวเราะคิกคัก
“สุดๆ เลยคุณปราง...เกือบหลุดครางออกมาแล้ว” ผมตอบพลางหอบหายใจ
“น้าแอบมองเธอมานานแล้วนะ...อยากทำแบบนี้กับเธอมาตั้งนานแล้วรู้ไหม” เธอก้มลงมากระซิบข้างหูผม
“ผมก็...ผมก็แอบมองคุณปรางเหมือนกัน” ผมยอมรับอย่างหน้าไม่อาย “คิดอยู่ทุกวัน...ว่าถ้าได้ลองสักครั้ง...มันต้องสุดยอดแน่ๆ”
คำสารภาพของเรายิ่งทำให้ไฟปรารถนาลุกโชนขึ้นไปอีก เราโอบกอดกันแน่น เหงื่อของเราไหลปนกันจนตัวเปียกชุ่มไปหมด อากาศในห้องหลังบ้านที่ไม่มีพัดลมมันร้อนอบอ้าว แต่ความตื่นเต้นจากสถานการณ์เมื่อครู่มันทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น
คุณปรางโถมแรงขย่มเข้าใส่ผมอย่างไม่ยั้ง ผมก็ตอบสนองด้วยการเด้งสะโพกสวนขึ้นไปรับทุกจังหวะ เราสองคนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
“อาทิตย์...น้า...น้าไม่ไหวแล้ว...แรงๆ เลย...อ๊า!” คุณปรางกรีดร้องออกมาเบาๆ ร่างกายของเธอเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง ผนังช่องคลอดของเธอบีบตอดแก่นกายของผมถี่ๆ เป็นสัญญาณว่าเธอได้ไปถึงฝั่งฝันแล้ว
“โอ้...อุ่น...ตอดดีสุดๆ ไปเลยคุณปราง” ผมร้องบอกเธอ ความรู้สึกนั้นมันกระตุ้นให้ผมใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พลิกให้เธอนอนหงายอีกครั้ง ยกขาของเธอทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่า แล้วกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ผมกัดฟันกรอด หลับตาปี๋รับความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วทุกอณูของร่างกาย
“คุณปราง...ผม...ผมก็ไม่ไหวแล้ว!” ผมตะโกนลั่น ก่อนจะรีบถอนตัวออกมาในวินาทีสุดท้าย แล้วปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นจำนวนมหาศาลลงบนหน้าท้องและร่างกายของคุณปราง บางส่วนกระเด็นไปถึงหน้าอกของเธอ
เราสองคนนอนหอบแฮ่กอยู่บนเสื่อน้ำมันเก่าๆ อย่างหมดแรง คุณปรางยิ้มอย่างมีความสุข เธอใช้นิ้วปาดคราบรักของผมที่เปรอะเปื้อนบนตัวเธอขึ้นมาเลียชิมอย่างไม่รังเกียจ
“หวานดี...ข้นสุดๆ...สมกับที่เก็บไว้นานจริงๆ”
ผมยิ้มตอบ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในร่างกายของเธออีกครั้งเพื่อแช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยๆ ถอนตัวออกมา
หลังจากนั้น เราก็ช่วยกันทำความสะอาดร่างกายและสถานที่เกิดเหตุจนไม่เหลือร่องรอยใดๆ คุณปรางแต่งตัวจนเรียบร้อย แล้วเดินออกจากบ้านเช่าของผมทางประตูหลัง เหมือนกับตอนที่เธอมา
ก่อนจากกันที่รั้วหลังบ้าน เธอดึงผมเข้าไปกอดและจูบที่ริมฝีปากเบาๆ เป็นการส่งท้าย
“แล้วเราจะเจอกันอีก...เมื่อมีโอกาสนะจ๊ะ...อาทิตย์”
ผมพยักหน้ารับ...
และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...วันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงบ่ายที่มินตราต้องไปเข้ากะ ก็กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความลับและความสุขของเราสองคนไปโดยปริยาย เรานัดเจอกันเมื่อมีโอกาส แม้จะไม่บ่อยนัก...แต่เราก็ไม่เคยปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว.